วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

“ป้ายยา ตบทรัพย์” ภัยร้าย…ที่ยังไม่ตายไปจากสังคม?

ภัยอันตรายจากสังคมในปัจจุบันชั่งโหดร้ายยิ่งนัก เราไม่อาจรับรู้ได้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นผู้หวังดี หรือไม่หวังดีต่อเรา ยิ่งในสังคมสมัยนี้ที่มองคนแค่เปลือกนอก ก็ตีความไปแล้วว่า คนๆ นั้นเป็น “คนดี” หรือ “คนไม่ดี”
หลายๆ คนคงเคยได้ยินมาบ้างนั้นคือ “แก๊งป้ายยา ตบทรัพย์” ซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ยังวนเวียนอยู่ในสังคมเรามานานร่วม 10 ปีแล้ว และในปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ยังคงเหิมเกริมตระเวนตบทรัพย์เหยื่อโดยไม่เลือกสถานที่ ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเราเมื่อไหร่ ?


เมื่อไม่นานมานี้ก็มีชาวบ้านในจังหวัดนนทบุรีประสบเหตุตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ โดยเหตุเกิดในช่วงเช้า ผู้คนกำลังพลุกพล่าน ซึ่งพฤิกรรมของกลุ่มคนร้ายมีวิธีการไม่ต่างไปจากเดิม ซึ่งเหยื่อรายดังกล่าว ( ไม่เปิดเผยข้อมูล ) เล่าให้ฟังว่า
” ในขณะที่ตนกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในตลาดเช้าของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเขต อ.เมือง จ.นนทบุรี ขณะกำลังเดินกลับบ้านพักได้มีกลุ่มคนร้ายจำนวน 3 คน ทำทีเข้ามาพูดคุย โดยยืนล้อมตนเองไว้ เมื่อพูดคุยไปได้สักพัก ก็เกิดอาการมึน งง และถอดสร้อยทองที่คอตัวเองให้กลุ่มมิจฉาชีพไปแบบดื้อๆ ซึ่งทองมีน้ำหนัก 2 บาท และมารู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าสร้อยทองที่ใส่อยู่หายไปแล้ว และจำเรื่องราวที่พูดคุยกับคนร้ายไม่ได้ “
เราจะเห็นได้ว่าภัยสังคมเหล่านี้มันยังไม่ตายไปจากสังคมเราจริงๆ และน้อยครั้งมากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้มารับโทษได้
เช่นเดียวกับกรณีของ น.ส. จุฑามาศ อุมาเซ็น ที่ประสบเหตุการณ์ในลักษณะที่คล้ายกัน จนเป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงปี 54 ซึ่งในครั้งนั้นเหตุเกิดย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ โดยคนร้ายมากัน 3 คน แต่ในครั้งนั้นคนร้ายได้ปรากฏตัวทีละคนสร้างเรื่องราวที่แยบยล จนเหยื่อสาวตายใจ
ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้นเหยื่อสาวถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกทรัพย์สินของเธอไปได้ เป็นเงินสด 5,500 บาท สร้อยทอง 50 สตางค์ พระเลี่ยมทองและแหวนอย่างละ 1 สลึง ซึ่งเหยื่อยืนยันว่าน่าจะถูกคนร้ายป้ายยา เนื่องจากในช่วงที่ส่งทรัพย์สินให้คนร้าย เธอมีอาการมึนงง และเบลอ
อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาภัยร้ายดังกล่าว ถูกนำมาถกเถียงกันยังกว้างขวางทั้งในโลกออนไลน์ และสื่อต่างๆ ที่เดินหน้านำเสนอไขข้อสงสัยให้กับประชาชน ซึ่งได้ตั้งคำถามไว้ว่า “แท้จริงแล้ว แก๊งป้ายยา ตบทรัพย์ ใช้ยาป้ายจริงหรือไม่ ? หรือเป็นเพียงการใช้หลักจิตวิทยา “
โดยในโลกออนไลน์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า หากยาป้ายหรือแม้กระทั่งยาพ่นสลบที่อยู่ภายในรถยนต์มีอยู่จริง แล้วหลักการวิธีใช้มันสามารถเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
จากข้อมูลพบว่ายาสลบ หรือ ยาพ่น จะได้ผลนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งปริมาณความเข้มข้นของยา ปริมาณยาที่เข้าสู่ร่างกายคน ซึ่งกระบวนการเริ่มจากสูดดมผ่านทางจมูก ไปสู่ปอดก่อนจะถูกดูดซึมผ่านเส้นเลือดที่ปอด ไหลเวียนไปยังสมองเพื่อออกฤทธิ์ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร
เช่นเดียวกับกรณีของการมอมยาผ่านหน้ากากแอร์รถยนต์ รถแท็กซี่ ซึ่งความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากคนร้ายต้องมีหน้ากากป้องกัน ( ในกรณีนั่งรถแท็กซี่ ) ทั้งนี้จากการพิสูจน์สาเหตุการเกิดอาการมึน งง ขณะนั่งรถแท็กซี่คาดว่า มาจาก Carbon monoxide Poisoning (คาร์บอนมอนออกไซด์) ซึ่งอาจเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ของรถคันนั้น อาจมีจุรั่วไหลเข้ามันยังห้องโดยสาร
เมื่อสูดดมเข้าไปเรื่อยๆ รับก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เข้าไปในระดับหนึ่ง ร่างกายจะเกิดสภาวะสมองขาดออกซิเจน จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการมึน งง แต่ต้องนั่งรถระยะทางไกลพอสมควร
ทางด้านพล.ต.ต.สำราญ ยินดีอารมณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยถึงพฤติการของแก๊งดังกล่าวว่าส่วนใหญ่พวกนี้ทำเป็นขบวนการ และทำเป็นอาชีพหลัก โดยจะเลือกสถานที่ไม่ว่าจะเป็น ตามแหล่งชุมชน ห้างสรรพสินค้า ตลาด หรือที่ๆ มีคนพลุกพล่าน
ซึ่งแผนการของพวกมิจฉาชีพเหล้านี้มักนำสิ่งของที่มีค่ามาจูงใจเหยื่อ พร้อมกับพูดจาโน้มน้าวให้เหยื่อตายใจ เมื่อเหยื่อเกิดความโลภก็จะเข้าแผนการของแก๊งคนร้ายทันที
โดยวิธีก็มีหลากหลายรูปแบบทั้งการพูดจาหว่านล้อมให้เหยื่อตายใจ หรือการตระเวนอ้างรับจ้างล้างทอง ซึ่งจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ ก่อนจะสับเปลี่ยนทองปลอมช่วงระหว่างล้างทอง โดยเหยื่อจะมารู้ตัวอีกที คนร้ายก็หลบหนีไปได้อย่างลอยนวล
โดยแก๊งมิจฉาชีพมีการเลือกเหยื่อที่ดูมีฐานะ ใส่สร้อยทอง และเป็นเหยื่อที่อยู่เพียงลำพัง
ผู้การตำรวจเมืองนนท์ยังชี้แจงถึงเรื่องการป้ายยาด้วยว่ามีอยู่จริงแต่อาจมีการนำมาใช้ก่อเหตุไม่มากนัก ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการพูดจากหว่านล้อม จนเหยื่อหลงเชื่อ ซึ่งส่วนหนึ่งต้องมองที่ตัวเหยื่อด้วย หากเกิดความโลภ ขาดสติ หรือหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ก็จะตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพเหล่านี้
ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ แต่ไม่มากนัก ทั้งนี้ก็มีบางรายที่ถูกคนร้ายหลอกลวงแต่ไม่เข้าแจ้งความก็มี อาจมาจากความอับอาย หรือกลัวคนร้ายกลับมาเล่นงาน
พร้อมฝากถึงผู้เสียหายว่า หากแจ้งความแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจำกุมตัวคนร้ายได้อย่ายอมความ เนื่องจากพฤติกรรมคนร้ายเป็นแค่คดีแพ่งซึ่งสามารถยอมความกันได้ แต่หากผู่้เสียหายปล่อยคนร้ายไปไม่เอาความ แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ ก็จะกลับมาเป็นภัยร้ายคนสังคมอีก

สนใจทำศัลยกรรม สอบถามข้อมูลเพื่มเติมได้ที่ 02-002-1919 หรือ 096-475-8485
Email : thelinethai@gmail.com
Facebook : https://www.facebook.com/TheLineThailand
Line : thelinethai
แชร์ข้อมูลโดย : The Line Thailand
อ้างอิง :Mthaiภาพประกอบ : อินเทอร์เน็ต

#ศัลยกรรม #ศัลยกรรมเกาหลีในไทย #เอกมัย #สุขุมวิท #ศัลยกรรมตา #ศัลยกรรมจมูก #ศัลยกรรมโครงหน้า #ศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า #ศัลยกรรมหน้าอก #ศัลยกรรมรูปร่าง #มีบริการดูแลหลังผ่าตัด #มาตรฐานโรงพยาบาล #มีความปลอดภัย #มีความเชี่ยวชาญ #ราคา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น